สำนักงาน กสทช. สนธิกำลัง ตำรวจ บุกจับเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน ชายแดนจังหวัดหนองคาย
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช.นายสัญญา กระจ่างศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. ภาค 2 พล.ต.ต. พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พ.ต.อ. อภิรักษ์ จำปาศรี ผู้กำกับการ 1 และ พ.ต.อ. มรกต แสงสระคู ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกวาดล้างเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย สืบเนื่องจากการลาดตระเวนตรวจสอบตลอดแนวชายแดนของสำนักงาน กสทช. ในการปฏิบัติงานร่วมกับ สอท. ในช่วงที่ผ่านมา พบการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยส่งสัญญาณข้ามแม่น้ำโขงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นการนำสัญญาณการให้บริการจากฝั่งไทยไปเป็นกลไกการหลอกลวงประชาชนคนไทย จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา กสทช. ได้ประกาศกำหนดมาตรการสำหรับการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดน ใน 7 พื้นที่ 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการนำบริการโทรคมนาคมไปให้บริการข้ามชายแดน ซึ่งอาจเป็นแหล่งที่กลุ่มผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี แฝงตัวและใช้สัญญาณหลอกลวงกลับมายังประเทศไทย โดยในปัจจุบันได้สั่งการให้มีการตรวจสอบขยายไปยังพื้นที่ชายแดนประเทศไทยพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนตามการสั่งการรัฐบาลให้เร่งรัดการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช. ส่วนภูมิภาคที่มีเขตพื้นที่กำกับดูแลบริเวณแนวชายแดนทั่วประเทศ ออกลาดตระเวนตรวจสอบ จนพบมีการลักลอบติดตั้งสถานีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง และอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการทำงานอันมิชอบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 4 จุด ใน 2 อำเภอบริเวณแนวชายแดนจังหวัดหนองคาย ได้แก่ อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี จึงได้สนธิกำลังกับตำรวจ สอท. ทำการเข้าตรวจค้นจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ของกลางเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนที่ใช้ในการส่งสัญญาณข้ามแดน โดยการกระทำดังกล่าวเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานมี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ 2498 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท และอาจมีความผิดฐานการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ 2544 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งในฐานความผิดการประกอบกิจการจะมีการตรวจสอบและขยายผลเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป ในการนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งสถานีวิทยุเถื่อน พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต. พิรัชย์ กล่าวว่า จากการปฏิบัติการร่วมกับ กสทช. ในการลงพื้นที่ ตรวจสอบจุดเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อนบริเวณแนวชายแดนจังหวัดหนองคายทั้ง 4 แห่ง จึงได้สนธิกำลัง สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำมาสู่การจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมของกลาง ดังนี้
1. ร้านจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ณ อำเภอรัตนวาปี
2. ร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ IT ณ อำเภอโพนพิสัย
3. สถานีกระจายเสียงวิทยุ FM ณ อำเภอโพนพิสัย
4. ร้านขายส่งอิฐ หิน ปูน ทราย และผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพื่อการก่อสร้าง ณ อำเภอรัตนวาปี
ในการนี้ชุดจับกุมได้ทำการรื้อถอนอุปกรณ์และจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี พร้อมทั้งยังได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ ในการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ติดตามจับกุมการกระทำผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และเป็นไปตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการป้องกัน และปราบปรามการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ที่หลอกลวงประชาชนคนไทยให้หมดสิ้นไป
สร้างโดย - (23/7/2567 15:23:52)
Download
เอกสารแนบ
Page views: 162