“กสทช. สุทธิพล” หารือองค์กรกำกับดูแลโทรคมนาคมเยอรมัน แนะไทยต้องกล้าและหนักแน่นเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบใบอนุญาต เล็งนำแนวคิดมาใช้แก้ปัญหาคืนคลื่นความถี่ 1800 ของไทย

           “กสทช. สุทธิพล” หารือองค์กรกำกับดูแลโทรคมนาคมเยอรมัน แนะไทยต้องกล้าและหนักแน่นเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบใบอนุญาต เล็งนำแนวคิดมาใช้แก้ปัญหาคืนคลื่นความถี่ 1800 ของไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 ณ เมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคแห่งชาติ (กสทช.)ด้านกฎหมายในกิจการโทรคมนาคม และคณะทำงาน ได้ประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ Bundesnetzagentur หรือ Federal Network Agency ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของประเทศเยอรมนี รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้บริหารระดับสูงของ WIK หรือ Science Institute for Communication Services ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการที่เป็นผู้ออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมดของประเทศเยอรมนี ผลการหารือได้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และการประมูลคลื่นความถี่ของไทยในหลายเรื่อง โดยผู้แทนของ Federal Network Agency ได้แก่ Dr. Annegret Groebel ผู้อำนวยการใหญ่ภารกิจด้านการต่างประเทศและการกำกับดูแล และ Dr. Gerhard Jeutter ผู้อำนวยการกลุ่มงานการจัดสรรคลื่นความถี่ ได้ให้ข้อสังเกตตรงกันว่า เป้าหมายของการประมูลคลื่นความถี่ไม่ได้มุ่งในการทำรายได้ให้สูงเพื่อหาเงินเข้ารัฐแต่อย่างใด แต่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรคลื่นให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยไม่ได้มองเฉพาะช่วงที่ทำการประมูลเท่านั้น แต่ต้องกำกับดูแลในช่วงเวลาหลังการประมูลด้วย เยอรมนีมองว่า หากการจัดสรรคลื่นความถี่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และโปร่งใส ก็จะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมมากขึ้น ซึ่งในที่สุดก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในระยะยาว และรัฐก็จะได้เงินรายได้จากภาษี ทั้งนี้การตั้งราคาเริ่มต้นของการประมูลหรือ Reserve Price นั้น จะตั้งที่ราคาต่ำที่สุดของการบริหารจัดการ (Administrative Cost) เท่านั้น ซึ่งการตั้งราคาที่ต่ำจะช่วยส่งเสริมให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ และลดการผูกขาด ทั้งนี้ผลของการประมูลจะเป็นไปตามกลไกของตลาด แม้บ่อยครั้งผู้ที่ชนะการประมูลก็คือผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด แต่ก็มิใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญคือกฎระเบียบการประมูลต้องไม่ปิดกั้นและราคาตั้งต้นการประมูลต้องไม่สูงเกินไป อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ของเยอรมนีเป็นไปอย่างง่ายและมีประสิทธิภาพ กล่าวคือผู้ประกอบการโทรคมนาคมจะดำเนินการตามกฎระเบียบ และคำตัดสินของคณะกรรมการของ Federal Network Agency อย่างเคร่งครัด และถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินและยื่นเรื่องต่อศาลก็ตาม แต่จนกว่าศาลจะมีการพิจารณาเป็นอย่างอื่น ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการตามผลการตัดสินในทันที สำหรับประเด็นปัญหาการคืนคลื่นความถี่ที่อายุสัมปทานสิ้นสุดหรือใบอนุญาตหมดอายุนั้น ผู้เชี่ยวชาญเยอรมันจากทั้ง Federal Network Agency และ WIK ให้ข้อสังเกตตรงกันว่า ในเยอรมันไม่มีปัญหาที่เกิดจากการพยายามยื้อไม่ยอมคืนคลื่น เพราะแม้การเปลี่ยนผ่านจะทำให้ภาครัฐที่เคยได้ประโยชน์จากสัญญาสัมปทานได้รับผลกระทบบ้าง แต่สุดท้ายก็จะเกิดประโยชน์ในภาพรวม และภาครัฐจะได้รับประโยชน์ที่มากขึ้นในรูปแบบอื่นๆ จึงแนะนำประเทศไทยต้องกล้าและต้องหนักแน่นที่จะเดินหน้าเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นไปสู่ระบบใบอนุญาต ซึ่งจะเป็นโอกาสช่วยทำให้กิจการโทรคมนาคมของไทยพัฒนาไปสู่มาตรฐานสากล แต่ที่สำคัญคือทุกฝ่ายต้องเคารพในกฎกติกา โดยการดำเนินการในการเปลี่ยนผ่านจะต้องไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ ซึ่งเห็นว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพคือการกำหนดมาตรการชั่วคราวเพื่อให้ผู้ประกอบการที่ครอบครองคลื่นนั้นอยู่ สามารถให้บริการแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จนกว่าการจัดสรรคลื่นครั้งใหม่ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่จะแล้วเสร็จ ซึ่งการดำเนินการโดยวิธีนี้เป็นเรื่องปกติเพื่อรักษาประโยชน์ให้กับผู้บริโภค และทำให้เกิดการใช้คลื่นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ที่สำคัญระยะเวลาที่ใช้จะต้องไม่นานเกินไปซึ่งโดยทั่วไปไม่น่าจะเกิน 1-2 ปี “จากที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับ experts ของเยอรมันหลายคนเห็นว่า กสทช.โดยกทค.เดินมาถูกทางแล้ว แต่ควรจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องคืนคลื่นซึ่งการเปลี่ยนผ่านต้องเกิดผลกระทบบ้าง การเยียวยาผู้บริโภคโดยให้ผู้ประกอบการรายเดิมให้บริการต่อไปเป็นระยะเวลาสั้นๆหลังจากสิ้นสุดสัมปทานแล้วเพื่อมิให้บริการสาธารณะหยุดชะงักเป็นเรื่องที่อยู่ในกรอบอำนาจของกรรมการผู้กำกับดูแลที่สามารถกระทำได้ซึ่งเยอรมันเองก็มีการดำเนินการในลักษณะนี้ แต่ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องต่อหรือขยายใบอนุญาตการใช้คลื่นให้ โดยผมเห็นว่าทุกฝ่ายต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง เคารพในบทบัญญัติของกฎหมายและมีความจริงใจในการมองที่ผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถก้าวไปสู่การพัฒนาเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวมได้” ดร. สุทธิพล กล่าวทิ้งท้าย อนึ่งหลังจากการประชุมดังกล่าวแล้ว ดร สุทธิพล ได้เดินทางต่อไปยังกรุงเบอร์ลินเพื่อประชุมกับ Deutsche Telekom และหารือข้อราชการกับ นางนงนุช เพ็ชรรัตน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำเยอรมนี รวมทั้งเข้าร่วมงาน CeBIT ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมระดับโลก ณ เมืองฮันโนเวอร์โดยมีนางสาวณัฐิยา สุจินดา ทูตพาณิชย์ ณ กรุงเบอร์ลินร่วมเข้างานด้วย

สร้างโดย  -   (27/3/2560 11:00:18)

Download

Page views: 104